วันนี้วันที่ 23 ตุลาคม 2555 7.00 โดยประมาณ ผมตื่นนอนมาด้วยอาการปวดหัวและเจ็บคอเป็นกำลัง คงเป็นผลพวงมาจากงานสานสัมพันธ์ไทย-ลาว เมื่อคืน หลังจากอาบน้ำอาบท่า แต่งตัว เตรียมกล้องเสร็จสรรพ ผมก็ลงมาเดินโต๋เต๋อยู่หน้าโรงแรม ครัวของโรงแรมยังไม่เปิดให้บริการ ก็เลยตั้งใจว่าจะเดินไปตลาดเช้ามอลล์แหล่งชอปปิ้งยอดนิยม จริงๆแล้วมันก็ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก แต่ด้วยสภาพร่างกายของผมตอนนี้แล้วเห็นท่าจะไม่ไหว ก็เลยเลือกที่จะเดินเล่นอยู่แถวๆหน้าโรงแรมดีกว่า เช้าๆอากาศเย็นสบายเดินได้ไม่ค่อยเหนื่อย ร้านอาหารประเภท ปิ้งย่าง ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก กาแฟ ปาท่องโก๋ เริ่มเปิดให้บริการบริเวณหน้าร้านและริมฟุตบาท เดินไปได้สักครึ่งชั่วโมงพอรู้สึกเหนื่อยก็เดินย้อนกลับมา กลับมาถึงครัวของโรงแรมเปิดแล้ว ได้การเลยจัดการอาหารเช้าซะก่อนดีกว่า ออมเล็ทมะเขือเทศ ขนมปัง ตบด้วยกาแฟแบบง่ายๆ ระหว่างนั้นก็วางแผนว่าวันนี้จะเอางัยดี อยู่ต่ออีกวันเพื่อเก็บละเอียดในส่วนที่เหลือ หรือว่าจะเลือกเิดินทางต่อดี หลังจากตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเมื่อวานนี้ผมใช้เงินไปทั้งหมดเกือบ 500000 กีบ (ประมาณ 2000 บาทไทย) ยังเหลือเงินอยู่อีกประมาณ 500000 กีบ เอาวะ ! เราไม่ได้มาบ่อยๆ ดังนั้น ผมเลือกเดินทางต่อครับ เป้าหมายต่อไป "วังเวียง" พร้อมแล้วตามมาเลยครับ
ประมาณ 8.30 หลังจากเก็บข้าวของตรวจตราสัมภาระ จัดการคืนกุญแจเรียบร้อย ออกมารอรถอยู่หน้าโรงแรม มองดูสหายร้านข้างๆ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดเลยไม่ทันได้ร่ำลากัน พอดีรถสามล้อผ่านมา อ้าว ! นั่นมันหนึ่งในสหายสุราของผมเมื่อคืนนั่นเอง เขาแวะมาทักพร้อมกับรับอาสาจะไปส่งให้แต่ผมว่าขอจ่ายเงินดีกว่า 20000 กีบ (80 บาท) ไม่นานนักผมก็มายืนเก้ๆกังๆอยู่ที่ บขส เวียงจันทน์ ที่เดิมและทุกอย่างก็เหมือนเมื่อวาน ทุกคนรุมถามด้วยความเป็นห่วงอีกเช่นเคย ผมตอบว่าจะไปวังเวียง คนขับรถตู้คนนึงบอกว่ารถโดยสารเที่ยวเช้าออกไปแล้ว เที่ยวต่อไปต้องรอเที่ยง รถตู้ของเขากำลังจะออกตอน 9.00 จะไปมั้ย ผมถามราคาเขาว่า 300 บาทไทย ผมต่อ200แกไม่ยอม แต่ไม่มีเวลาแล้วครับ ผมเลือกไปรถตู้ร่วมกับฝรั่งชายหญิง 2 ไทย (ผมเอง) 1 ที่เหลือลาวล้วนๆ ความจุ 9 คนรวมคนขับ (ผมมาทราบภายหลังจากคุยกับฝรั่ง2คนนั้นว่าเขาจ่ายคนละ 400 บาท) อันนี้ผมว่าเมืองไทยก็เหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าใครลอกใคร
9.00 รถตู้เริ่มออกเดินทาง ผ่านทุ่งนาป่าเขาสภาพแห้งแล้ง ฝุ่นมาก มีชุมชนตั้งอยู่ริมทางเป็นระยะๆ สภาพบ้านเรือนกึ่งปูนกึ่งไม้มองไปคล้ายภาคอิสานของเราเมื่อสักสิบปีที่แล้ว ถนนหนทางนี่ขอบอกว่า ปารีส-ดาร์กา ดีๆนี่เองครับ อากาศเริ่มร้อนขึ้นตามลำดับแต่อีตาโชเฟอร์แกก็พยายามจะปิดแอร์ตลอด (เผลอไม่ได้) เดี๋ยวแวะซื้อขนมปังฝากเมีย เดี๋ยวแวะเติมน้ำมัน เดี๋ยวแวะตามชุมชนริมทาง ทั้งๆที่คนเต็มคันแต่แกก็ยังพยายามหารายได้เสริมอยู่ตลอด โชคดีครับที่ไม่มีใครขึ้นมาเพิ่มเติมอีก ผมกะว่าประมาณซักครึ่งทาง ชาวลาวเริ่มทยอยลงไปเรื่อยๆ คณะสุดท้ายลงไปก่อนพวกเรา (ฝรั่ง2ไทย1) จะถึงวังเวียงเล็กน้อย รถวิ่งไปอีกไม่นานก็เห็นซุ้มประตูยินดีต้อนรับสู่วังเวียง อะฮ้า !ในทีสุดผมก็มาถึงครับ 3 ชั่วโมงโดยประมาณกับระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร "วังเวียง" แต่สุดท้ายก็ยังมีปัญหาครับ คุณโชเฟอร์แกไม่ยอมเข้าไปส่งให้ถึงถนนเส้นกลางที่ผ่านวังเวียง แกปล่อยให้พวกเราลงที่ริมถนนเส้นนอก (อันนี้ก็เหมือนไทยเรานะ) มันก็ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกแต่มันเสียความรู้สึกครับ หลังจากลงจากรถเซย์กู๊ดบายกับเพื่อนร่วมทางฝรั่ง 2 คนแล้ว ผมก็เริ่มออกเดินตามถนนเส้นนึงมุ่งหน้าลงไปหาถนนเส้นกลางของวังเวียงท่ามกลางอากาศที่ร้อนแบบสุดๆ
12.00 โดยประมาณผมเดินผ่านถนนเส้นกลางไปเรื่อยๆ บ้านเรือนสมัยเก่าปะปนกับบ้านเรือนแบบใหม่ๆ และที่กำลังก่อสร้างใหม่ในรูปแบบอาคารสูงๆก็มีเยอะเสียงจากการก่อสร้างดังทั่วบริเวณ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาเรียงรายอยู่ด้านหลังแม่น้ำซอง แซมด้วยสีเขียวของพันธ์ุไม้โอบล้อมอยู่รอบๆตัวเมือง อย่างนี้นี่เอง วังเวียง ถึงได้รับการขนานนามว่า กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว จนถึง3แยกผมเลือกเลี้ยวไปทางซ้าย ผ่านอาคารที่กำลังก่อสร้าง ร้านขายแซนด์วิช ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ร้านอาหารที่เรียงรายตามสองข้างทาง ผมเลือกเดินเลาะข้างร้านอาหารร้านนึงลงสู่ริมแม่น้ำซอง ทีแรกเห็นก็ตกใจคิดว่าแม่น้ำซองทำไมสีขุ่นแบบนี้ แต่พอดูดีๆถึงเห็นว่า อ๋อ!แม่น้ำซองจริงๆแล้วมีเกาะกลางกั้นอยู่ แม่น้ำสายที่แยกมาด้านที่ติดริมฝั่งน้ำ้เลยสีก็เลยดูไม่ค่อยใสครับ
หลังจากเดินกลับขึ้นมา แวะซื้อน้ำที่ร้านค้าร้านนึงราคา 3000 กีบ แล้วก็เลยสอบถามหาที่พักราคาไม่สูงมากนัก แม่ค้าแนะนำให้ 2-3 ที่ให้ผมลองเข้าไปเลือกดูเอา ตอนนี้ร้อนมากอยากอาบน้ำสุดๆ คิดว่าหาที่พักก่อนดีกว่า ผมเดินไปหาตามที่พักที่แม่ค้าบอก ที่แรกดูพลุกพล่าน ฝรั่งค่อนข้างเยอะข้ามไปก่อนครับ แห่งที่สองราคาถูกจริงแต่มันเหมาะกับแบคแพคที่ต้องการประหยัดสุดๆมากกว่า มาถูกใจแห่งที่สามครับ วังเวียงอินน์ เจ้าของเป็นคุณยายแก่ๆแต่ภาษาอังกฤษนี่หายห่วงครับ อยู่กับหลานและลูกสาว แกเล่าว่าลูกเขยแกเป็นคนไทยทำงานอยู่แถวๆอยุธยานานๆจะมาสักที (ผมคุยกับแกตอนกลางคืน) ราคาห้องพัก พัดลม 300 แอร์ 350 ฟรีไวไฟแต่ไม่มีอาหารเช้า (มันก็ห้องเดียวกันแหละ ถ้าไม่เอาแอร์แกก็ไม่ให้รีโมทมา 55) ผมดูแล้วไม่ไกลจากร้านอาหาร ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ใกล้ๆแม่น้ำ (เสียอย่างเดียวเสียงดังครับแต่มันก็ดังไปทั่วน่ะแหละช่วงนั้นกำลังก่อสร้างกันทั้งวันทั้งคืน) ตกลงผมเลือกค้างคืนที่นี่ครับ
หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อย ก็ลงมาตั้งใจจะไปหาอะไรกินก่อนเพราะเลยเวลาเที่ยงมานานแล้ว เดินเตร็ดเตร่เลือกไปเลือกมาอยู่หลายร้าน ผ่านวัดวัดนึงน่าจะเป็นวัดประจำเมืองก็ว่าได้ (มีวัดเดียว) เห็นเจดีย์รูปทรงแปลกตาก็เลยถ่ายรูปมาด้วย จนกระทั่งถึงร้านๆนึงเข้าทีมีที่ว่างด้านติดริมน้ำก็เลยตกลงใจนั่งที่นี่ สังเกตุดูลูกค้าส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เมนูก็ทั่วๆไปครับ มีทั้งอาหารจานหนัก กุ้งหอยปูปลา อาหารจานด่วน ส้มตำ ลาบ น้ำตก รายการเหมือนๆที่บ้านเราแต่มีเมนูนึงสะดุดตามาก ผัดไทยครับ โอโห ผัดไทยของไทยมาดังถึงที่นี่ อย่างนี้ต้องลอง หน้าตาก็อย่างที่เห็นละครับแต่ผมว่ารสชาดคล้ายๆกับผัดมักกะโรนีมากกว่า สนนราคา 15000 กีบครับ (เงินไทยเท่าไหร่ลองคำณวนดู)
เสร็จภารกิจกับอาหารกลางวัน กลับเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่า นอนครับยาวเหยียดจนกระทั่ง 6 โมงเย็นเห็นจะได้ ตอนตื่นมารู้สึกข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ผมรีบล้างหน้าล้างตาสะพายกล้องเดินท่อมๆออกมากะว่าจะเก็บภาพเวลาเย็นซะหน่อยแต่ริมน้ำมืดแล้ว เมืองที่อยูในหุบเขาจะมืดเร็วกว่าปกติ ก็เลยเดินดูบรรยากาศยามเย็นไปเรื่อยๆ อากาศเริ่มเย็นๆนิดหน่อย (ต่างจากตอนกลางวันซึ่งร้อนมาก) ผับและบาร์ริมทางเริ่มเปิดให้บริการบ้างแล้ว เสียงเพลงดังกระหึ่มกลบเสียงก่อสร้างมิดเลย ชาวต่างชาติเดินกันพลุกพล่าน บ้างก็นั่งจับกลุ่มประจำอยู่หน้าผับหรือบาร์ ผมไม่เจอคนไทยที่นี่เลยครับ เดินไปตามเส้นทางที่ผ่านมาตอนกลางวัน ร้านอาหารประเภท ไก่ ตับ กึ๋น ปิ้งย่างค่อนข้างเยอะ ร้านโรตีก็ค่อนข้างเยอะ ผ่านร้านโรตีร้านนึงแม่ค้าหน้าตาสวยร้องเรียกให้ช่วยซื้อ ผมเลยขอเธอถ่ายรูปแลกกัน โรตีใส่กล้วยแบบบ้านเรา สนนราคา 10000 กีบ น้ำเย็นๆอีกขวด 3000 กีบอยู่ละมื้อเย็น จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อย ตั้งใจว่าจะลองนั่งบาร์ที่วังเวียงดูซะหน่อย แต่คนเดียวคงไม่สนุกแน่แถมสภาพร่างกายยังแย่อยู่เลยครับ ก็เลยเลือกเดินกลับที่พัก นั่งกินเบียร์ลาวไปเล่น face book ไปด้วย (ฟรีไวไฟ 3G ลาว ) คุยกับยายเจ้าของบ้านไปด้วย ยายแกดูทีวีช่อง5ไทยด้วย บังเอิญวันนั้นรู้สึกว่ามีการถ่ายทอดงานวันปิยะฯพอดี แกบ่นใหญ่เลยเพราะต้องดูถ่ายทอดรายการพิเศษแทนที่ละครสุดโปรดของแก 55 ผมนั่งคุยกับยายแกไปเพลินๆหมดเบียร์ไป 2 ขวดค่าเสียหาย 20000 กีบ จนเกือบประมาณ 3ทุ่มครึ่งจึงขอตัวกลับขึ้นห้องพักผ่อน จบภารกิจหนึ่งวัน ที่นี่แบบเหนื่อยๆ สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ฝันดีที่วังเวียงครับ
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากเวียงจันทน์มาวังเวียง รวมแล้วใช้จ่ายไป 233500 กีบก็ประมาณ 1000 บาทไทยตามรายละเอียดด้านล่างครับ
1. ค่ารถสามล้อ 20000 กีบ 80 บาท
2. ค่ารถตู้ 75000 กีบ 300 บาท
3. ค่าห้องพัก 87500 กีบ 350 บาท
4. ค่าอาหาร 31000 กีบ 125 บาท
5. ค่าเบียร์ 20000 กีบ 80 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น