หน้าเว็บ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คนเดียวเที่ยวลาวเหนือ ตอน วังเวียง กุ้ยหลินเมืองลาว 2

Inside วังเวียง
      
 24 ตุลาคม 2555    หกโมงเศษๆตื่นนอนมาด้วยความสดชื่นเพราะเมื่อคืนพักผ่อนเต็มที่ ยังเช้าอยู่มากอากาศเย็นๆไม่ถึงกับหนาว   ผมเลือกเดินเล่นไปเรื่อยๆครับ ดูบรรยากาศตลาดเช้าของชาวบ้าน พวกเขาเก็บผักเก็บหญ้าในท้องถิ่นวางขายแบบแบกะดิน    มีทั้งของกินได้และของที่ต้องนำไปปรุง ปลาสด ปลาไหล ปลาแห้ง นกตะขาบ นกเค้าแมว อย่างละตัวสองตัวก็เอามาวางขาย     พระและเณรเริ่มออกบิณฑบาตร ผู้เฒ่าผู้แก่เตรียมข้าวปลาอาหารมารอใส่บาตร เห็นผมยืนดูอยู่พวกเค้าก็เลยเรียกให้มาใส่บาตรด้วยกัน ที่นี่พระและเณรเยอะมากครับ รับบาตรเสร็จก็ให้พรเสียงดังลั่น จากนั้นผมก็แยกออกมาเดินเล่นไปเรื่อยๆกลับเข้ามาที่พักทางอีกด้านนึง (ถนนที่นี่จะเดินวนทะลุถึงกันได้หมด)   พอดีเจอร้านลมโชยบาร์เบอร์แบบลาวอยู่ร้านนึงเลยถ่ายรูปมาให้ดูกันครับ


       8.00 นิดหน่อยหลังจากเตรียมสัมภาระเล็กน้อย กล้องและแบตเตอรี่พร้อม พร้อมออกลุยกันแล้วครับวันนี้ อันดับแรกไปที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ที่หมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ได้ฮอนด้าเวฟ 100 มาคันนึงพร้อมแผนที่ท่องเที่ยวซึ่งทางร้านทำขึ้นมาเองเพื่อแจกให้กับลูกค้า ในราคา 40000 กีบ ไม่รวมน้ำมัน(ใช้พาสปอร์ตเป็นมัดจำด้วย) หลังจากขับไปเติมน้ำมันอีก 20000 กีบ แล้วก็เลยขี่เล่นตามถนนเส้นหลักที่เดินทางมาเมื่อวาน ผ่านทุ่งนาสีเหลืองทองเป็นระยะๆ ภูเขารูปร่างแปลกตากับแสงแดดอ่อนๆยามเช้า อากาศสดชื่นจริงๆครับ ไม่นานก็ถึงซุ้มประตูยินดีต้อนรับสู่วังเวียง ถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย จากนั้นจึงย้อนกลับเข้าเมืองอีกครั้ง เพื่อหาอาหารเช้ารองท้องซะก่อน ผมเลือกร้านโจ๊กร้านนึงที่เห็นก่อนเลยไปเติมน้ำมัน โจ๊กใส่ไข่แบบลาว 1 ชามปาท่องโก๋อีก 2 ตัว สนนราคามื้อนี้ 10000 กีบครับ

   
        หลังจากจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย ผมเริ่มออกเดินทางตามแผนที่ที่ได้มา เริมด้วย น้ำตกแก่งยุ้ยก่อนเลยครับ ขับไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายระยะทางบอกว่าแค่ 6 กิโลเมตร แต่ด้วยประสบการณืเที่ยวน้ำตกในเมืองไทย ผมไม่เชื่อครับ พอยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆบ้านเรือนเริ่มห่าง หนทางเริ่มขรุขระขึ้น ใจคอเริ่มไม่ดีครับจะกลับก็เสียดายมาได้ประมาณครึ่งทางแล้ว อากาศก็เริ่มร้อนขึ้น กัดฟันลุยต่อครับเป็นงัยเป็นกันถ้าเกิดยางรั่วเต็มที่ก็เข็นเอาล่ะ สักพักก็เจอสะพานมีป้ายชื่อหมู่บ้าน(สนับสนุนโดยเป๊บซี่) พยายามอ่านได้ความว่าบ้านนาด้วง ดูในแผนที่แล้วอีกไม่ไกลแล้ว แวะถ่ายรูปก่อน น้ำด้านล่างใสมากและค่อนข้างเย็นมาก วักล้างหน้าซักทีเย็นชื่นใจหายเหนื่อยเลยครับ


       พร้อมแล้วออกเดินทางต่อครับ มาถูกทางแล้วแค่วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ ประมาณ1ชั่วโมงผ่านไป เห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกอีก 110 เมตร (คงจะหลอกกันอีกแล้วเมื่อสักครู่ผมว่ามากกว่า6กม.แน่นอน) ที่ริมสะพานแห่งนึงแต่ไม่รู้ว่าตรงนี้ชื่ออะไร แต่ดูร่องรอยแล้วคงเคยเป็นร้านอาหารมาก่อนแต่คงเลิกราไปนานแล้ว น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาเหมือนกับสะพานที่แล้ว อาจจะเป็นคลองเส้นเดียวกันก็ได้ น้ำที่นี่ค่อนข้างใสและกลิ่นสะอาดแบบธรรมชาติจริงๆครับ


     ขับมอเตอร์ไซค์ไปตามเส้นทางขรุขระไม่นาน ถึงแล้วครับเขตน้ำตกแก่งยุ้ยเพราะมีด่านเก็บตังค์ตั้งรออยู่ตามระเบียบ และผมก็จ่ายไปตามระเบียบครับ 10000 กีบ ขับจากด่านไม่ไกลเท่าไหร่ ถึงแล้วครับ ด้านหน้าทางเข้าน้ำตก ประมาณ 8.00 โมงกว่าๆ ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมีแต่ร้านค้ากำลังเปิดร้านอยู่ 2-3 ร้านผมจอดรถไว้ข้างร้านค้าและเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางชมน้ำตก ผ่านสะพานปูนแบบง่ายๆ เริ่มเห็นสายน้ำเล็กตามเส้นทางเดินได้ยินเสียงแมลงป่าและน้ำตกดังมาไกลๆแล้วครับ


     เดินเข้าไปไม่ไกลมีป้ายบอกทางเป็นระยะ และแล้วก็มาถึงครับ น้ำตกแห่งยุ้ย ไม่อลังการงานสร้างเหมือนอย่างเหมือนที่คิดไว้แฮะ คุณยายเจ้าของโรงแรมแกบอกสวยนักสวยหนา พอมาเห็นกับตาแล้วก็รู้สึกผิดหวังนิดๆครับ แต่ก็สวยงามตามสมควรครับ รู้สึกว่าจะเป็นน้ำตกชั้นเดียวเพราะลองหาทางขึ้นดูแล้วไม่มี อาจจะเป็นไปได้ว่าผมมาในช่วงที่น้ำน้อยก็เลยไม่ค่อยสวยเท่าที่ควร


      หลังจากใช้เวลาอยู่ที่น้ำตกพักใหญ่ พอหายเหนื่อยจึงเดินกลับออกมา บริเวณร้านค้าเริ่มคึกคัก มีนักท่ิงเที่ยวเิ่ริ่มเข้ามาบ้างแล้ว ร้านส้มตำกำลังเปิดให้บริการ ซื้อน้ำดื่มแช่เย็น1ขวด 8000 กีบ (ซื้อในเมือง 3000 กีบ) ปลานิลเผากำลังหอมยั่วน้ำลายได้ที่ ลองสอบถามราคาดูประมาณ 80 บาทต่อตัวครับ แม่ค้าตัวน้อยจับปูน้ำตก(ลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับปูนาบ้านเรา) ใส่ชะลอมสานง่ายมาวางขาย สนนราคาประมาณ 10000-15000 กีบต่อ20ตัวครับ

     
     ดื่มน้ำเย็นเดินเล่นอยู่แถวๆนั้น ค่อยเริ่มออกเดินทางออกจากน้ำตก นักท่องเที่ยวเริ่มสวนทางมาเรื่อยๆ เช่ารถมอเตอร์ไซค์มาบ้าง จักรยานบ้างเป็นสีสันระหว่างครับ แต่ขากลับนี่รู้สึกว่าเร็วครับ ไม่นานก็มาถึงปากทางที่เลี้ยวเข้ามา ผมเลือกเล้ยวไปทางขวาป้ายบอกทางบอกว่าไปหลวงพระบาง ขี่รถกินลมชมวิวตามริมทางไปเรื่อยครับ แวะเข้าถ่ายรูปตามเส้นทางแยกลงสู่แม่น้ำซองที่ใช้เป็นจุดล่องห่วงยาง กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ รองจากพายเรือ ขี่ไปเรื่อยๆสัก2-3 กม.  เวลาคงเลยเที่ยงมาแล้วอากาศกำลังร้อนสุดๆ ตัดสินใจกลับดีกว่า ไม่นานนักผมก็มานั่งอยู่ที่ร้านขายแซนด์วิชและน้ำปั่นที่ถามหาโรงแรมจากเค้าเมื่อวาน ผมสั่งแซนด์วิชทูน่า 1 อัน (เค้าเรียกกันอย่างนั้นจริงๆครับ) กาแฟเย็น 1 แก้ว กล้วยหอมอีกลูก แซนด์วิชที่นี่ขนาดใหญ่มากครับผมว่า2คนหารนี่ยังอิ่มสบาย สนนราคาทั้งหมดก็ 25000 กีบ
 

     หลังจากมื้อกลางวันแบบง่ายๆเรียบร้อยแล้ว ผมตัดสินใจว่าคืนนี้คงจะอยู่ต่อที่วังเวียงอีกซักคืนพรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทาง จะไปต่อหรือจะกลับค่อยวากันอีกที ก็เลยแวะเข้าไปที่พักไปจ่ายเพิ่มไว้อีก 1 คืน 350 บาท จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไปยังจุดที่เป็นสะพานข้ามไปแหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ำ ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำซอง และเช่นเคยครับค่าผ่านทาง 15000 กีบ


      วิวระหว่างหัวสะพานและท้ายสะพานครับ สังเกตุได้ว่าแม่น้ำซองช่วงนี้ใสมาก ใสจนสามารถมองเห็นพื้นกรวดด้านล่างเลยครับ ดูแล้วน่าจะเย็นมากซะด้วย ลงจากสะพานแยกขวาไปสะพานส้ม ถ้ำจัง แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอีกที่นึงของวังเวียง แต่คราวนี้ผมขอเลือกไปทางขวาก่อนละกันครับ ตระเวนตระกูลถ้ำทั้งหลายที่อยู่ไกลออกไปก่อน แหล่งใกล้ๆเว้นไว้ก่อนถ้าคราวหน้ามีโอกาสค่อยมาเก็บอีกที


     ระหว่างเส้นทางที่จะไปยังถ้ำต่างๆ สองข้างทางก็จะเป็นเป็นทุ่งนาแต่ส่วนใหญ่จะถูกเก็บเกี่ยวแล้ว เหลือแต่ตอซังทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า สภาพบ้านเรือนก็อย่างที่เห็นครับ ถนนหนทางยังเป็นทางลูกรัง ขรุขระและฝุ่นเยอะมาก ระยะทางระหว่างถ้ำแต่ละถ้ำก็ไม่ไกลกันมากและเสียค่าเข้าชม 10000 กีบเหมือนกันทุกที่ครับ และบางถ้ำก็ต้องว่าจ้างคนนำทางท้องถิ่นด้วย ส่วนใหญ่ผมก็เลยได้แค่ดูอยู่ด้านนอก ไม่ได้เข้าชมภายในเลยสักถ้ำเดียวเพราะมีเวลาน้อยและคนเดียวค่าใช้จ่ายจะสูงมาก ถ้าจะเที่ยวให้ทั่วคงทำไม่ได้ในวันเดียวแน่ๆแต่ว่าแค่ได้มาถึงก็คุ้มแล้วครับ


     แวะเที่ยวไปเรื่อยๆตามแผนที่ รู้สึกว่าผมมาไกลพอสมควรครับแต่ไม่รู้ว่าสุดทางตามแผนที่หรือยัง แผนที่ตอนหลังนี่เริ่มสับสนยังไงบอกไม่ถูก ผมเลยตกลงเลือกแวะที่นี่เป็นที่สุดท้าย ชื่ออะไรจำได้ไม่แน่ชัดและเช่นกันครับ 10000 กีบก่อนตามธรรมเนียม ทางขวาเข้าถ้ำทางซ้ายไปลากูน (เค้าเรียกอย่างนั้น) ผมเลือกไปลากูนครับ แหล่งน้ำขนาดเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ตามทุ่งนาป่าเขา น้ำใสและเย็นมาก มีฝรั่งอยู่หนึ่งคน กับอีก1คู่ ญี่ปุ่นอีกสองมาก่อนหน้าผม รวมผมไทยอีกหนึ่ง น้ำเย็นมีสะพานและเชือกให้ห้อยโหนกระโจนน้ำเล่น ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเหมือนกัน เล่นน้ำเสร็จขึ้นมาพักผ่อน จากนั้นก็เล่นต่ออีกจนรู้สึกสบายตัว เวลาน่าจะประมาณบ่ายสองโมงได้ผมตัดสินใจออกเดินทางกลับ


ประมาณบ่ายสาม ผมกลับมาถึงสะพานที่ข้ามาอีกครั้ง ยังเหลือทางขวาครับ สะพานส้ม ถ้ำจัง แต่เมื่อดูระยะทางและเวลาที่เหลือแล้วผมคิดว่าเหนื่อยครับ และวันนี้ก็เดินทางมาพอสมควร เพราะอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ผิวเริ่มไหม้และร่างกายอ่อนเพลียสุดๆ สำหรับถ้ำจัง สะพานส้ม คงต้องขอยกยอดไว้คราวหน้า วันนี้ขอกลับที่พักอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนก่อนดีกว่า ตื่นมาอีกที 5 โมงเย็นแล้วครับ ผมออกจากที่พักอีกรอบคราวนี้เลือกใช้เวลาที่ริมแม่น้ำเป็นส่วนใหญ่ อากาศเย็นสบายลมพัดพอเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังจะลับเหยี่ยมเขา กิจกรรมทางน้ำกำลังคึกคัก เสียงฝีพายรุ่นหนุ่มของวังเวียงกำลังซ้อมเรือยาวกันดังลั่นลำน้ำ นักท่องเที่ยวบ้างก็พายเรือ บ้างก็ล่องห่วงยางกันอย่างสนุกสนาน


     หกโมงเย็นแล้ว อากาศเริ่มเย็นแสงเริ่มหมดลง ผมคงต้องหาอะไรรองท้องก่อนผมเลือกแวะไปที่ร้านเมื่อเช้าครับ เด็กนักเรียนชายหญิงลาวกำลังเดินทางกลับบ้านเหมือนกัน คราวนี้ผมสั่งเฝอหรือว่าต้มเส้นบ้านเราละครับ กินกับผักแนมที่หาได้ในท้องถิ่น  ถั่วฝักยาว โหระพา ถั่วงอก มีมะนาวสดให้ใส่ด้วย แต่ที่แปลกสุดๆคือในพวงเครื่องปรุงจะมีกระปุกผงชูรสมาให้ด้วย สงสัยว่ารสนิยมการกินของที่นีคงชอบแบบนี้กระมัง ค่าเสียหายมื้อนี้ 10000 กีบ หลังจากนั้นนำรถไปคืนและอย่าลืมเอาพาสปอร์ตกลับมาด้วยล่ะ ระหว่างทางเดินกลับที่พักแวะซื้อเสื้อยืดมาตัวนึง ใส่ซะหมดสต๊อกแล้วครับ ราคา 20000 กีบคุณภาพตามราคา กลับมาถึงที่พักนั่งกินเบียร์คุยกับยายแกเรื่องการเดินทางไปหลวงพระบาง ยายแกว่าจะไปมั้ยแกจะขายตั๋วให้ ผมถามราคาค่าใช้จ่าย แกว่าค่าตั๋ว 110000 กีบประมาณ 450 บาทไทย รวมราคาค่ารถรับส่งถีงสถานี ผมนับเงินที่เหลือดูปรากฏว่า เหลือเงินไทยประมาณ 3000 บาท เงินกีบเหลืออีกประมาณ แสนกว่าๆ คำนวณแล้วเงินไม่น่าพอสองจิตสองใจครับจะไปหรือกลับดี แต่ผมอยากไปต่อครับ ไหนๆก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีโอกาสได้มาบ่อยๆ ก็เลยตัดสินใจไปกดเงินด้วยตู้เอทีเอ็มของลาวครับ ผมใช้บัตรไทยกดเงินมาอีก 500000 กีบประมาณ 2000 บาทไทยเสียค่าบริการไป 200000 กีบ กลับมาจ่ายให้ยายแกไปแกก็เขียนตั๋วให้ผมใบนึง  พร้อมด้วยค่าเบียร์อีก2ขวด 20000 กีบ แกว่าพรุ่งนี้รถจะมารับตอน 8 โมงเช้าให้ลงมารอด้านล่าง ผมรับคำจากนั้นจึงขอตัวออกไปเดินเล่นยามค่ำคืน แวะซื้อ ตับ+กึ๋นไก่ปิ้ง 5ไม้ 20000 กีบแกล้มเบียร์ 10000 กีบบุหรี่ลาวอีกซอง 6000 กีบ ระหว่างเดินชมแสงสีไปจิบไปเพลินดีครับ ไม่นานก็วนกลับถึงที่พัก จัดเตรียมกระเป๋า ชาร์จแบตทิ้งไว้ก่อนอาบน้ำอาบท่าเข้านอน สิ้นสุดการเดินทางอันแสนทรหดสำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์...วังเวียง


     สรุปรวมค่าใช้จ่ายในวันที่สองของการท่องเที่ยวที่วังเวียง ผมใช้จ่ายไปประมาณ 441500 กีบประมาณ 1800 บาทไทยไม่รวมกับที่เบิกถอนมาเพิ่มอีกประมาณ 2000 บาทตามรายละเอียดดังนี้ครับ
1.ค่าเช่ารถ+ค่าน้ำมัน 40000+20000=60000 กีบประมาณ 250 บาท
2.ค่าอาหาร+น้ำดื่ม3มื้อ 10000+25000+10000+8000=53000 กีบประมาณ 200 บาท
3.ค่าเข้าชม+ค่าผ่านทาง 55000 กีบประมาณ 220 บาท
4.ค่าที่พัก1คืน  87500 กีบประมาณ 350 บาท
5.ค่าตั๋วรถไปหลวงพระบาง 110000 กีบประมาณ 450 บาท
6.ค่าเสื้อยืด 1ตัว 20000 กีบประมาณ 80 บาท
7.ค่าเบียร์+กับแกล้ม+บุหรี่ 30000+6000+20000=56000 กีบประมาณ 220 บาท
8.ถอนเงินเพิ่ม+ค่าบริการ 500000+20000=520000 กีบประมาณ 2000 บาท

ติดตามต่อใน "คนเดียวเที่ยวลาวเหนือ ตอน หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น