ผมเชื่อแน่ๆว่าในองค์กรแต่ละองค์กร ย่อมประกอบไปด้วยพนักงานที่มีพื้นฐานชีวิตที่แตกต่างและหลากหลายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การเมือง ศาสนา กีฬา ความเชื่อ พื้นฐานด้านความเป็นอยู่ ภาษา อาหารการกิน อะไรต่ออะไรเยอะแยะมากมาย แต่เมื่อบุคคลทั้งหมดดังกล่าวต้องเข้ามาอยู่ในที่เดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน มีการติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันในระยะเวลานานๆ ย่อมทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา และที่เป็นปัญหาหลักเรื่องหนึ่งขององค์กรก็คือปัญหาเรื่อง "คน" นี่แหละครับ สำหรับผู้ที่มีหน้าที่สายงานในการบังคับบัญชามักจะพบเห็นและสัมผัสกับปัญหาเหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในองค์กรที่ต่างกันก็ย่อมมีปัญหาเรื่องของ "คน" ที่แตกต่างกันไป แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะประสบการณ์จากการทำงานในสายบังคับบัญชาหลายปีของผมคนเดียว ซึ่งก็พอที่จะทำให้ผมแยกประเภทของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ โดยในที่นี้ขอเรียกโดยรวมว่า "เพื่อนร่วมงาน" ก็แล้วกัน ออกเป็น 9 ประเภทใหญ่ๆตามนิสัยส่วนตัวและนิสัยในการทำงานได้ประมาณนี้ครับ
1. ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน คนประเภทนี้กลัวการเปลี่ยนแปลงครับ กลัวว่าตัวเองจะต้องทำในสิ่งที่ไม่ถนัด กลัวว่าจะต้องรับภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆในองค์กร ดังนั้นทุกๆครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ บุคคลประเภทนี้จะต้องคัดค้านเอาไว้ก่อนเสมอ เท่านั้นยังไม่พอเขายังพยายามชักชวนเพื่อนร่วมงานให้เห็นดีเห็นงามกับการคัดค้านอีกด้วย
2. เช้าชามเย็นชาม คนประเภทนี้ทำงานแบบย่ำอยู่กับที่ครับ เมื่อแรกเข้าเคยเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับใคร ทำไปเรื่อยๆ อยู่ไปวันๆ มักไม่ค่อยพบว่าเขามีการพัฒนาตามที่ควร อาจเป็นเพราะความเคยชินในทำงานแบบเดิมๆ เมื่อทำแล้วรู้สึกว่าปลอดภัยสบายดี ก็เลยไม่คิดปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไร
3. เรื่องส่วนตัวพันพัวกับเรื่องงาน คนประเภทนี้มักจะเป็นศูนย์รวมของปัญหา ปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว ญาติพี่น้อง ปัญหาเรื่องหนี้สิน ปัญหาในที่ทำงาน ปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ฯล สารพันปัญหาที่ทำให้ก่อให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ บางคนก็เปลี่ยนเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว บางคนก็กลายเป็นคนขี้หงุดหงิดเจ้าอารมณ์ มีผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และอาจก่อให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนร่วมงานได้โดยไม่รู้ตัว
4. ความคิดใหญ่ความมั่นใจในน้อย
คนประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดีย มีวิธีการอะไรที่ดีๆอยู่ในหัวสมองค่อนข้างมาก หากแต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่กล้าที่จะนำเสนอ อาจเพราะกลัวว่าจะไปล้ำหน้ารุ่นพี่หรือผู้บังคับบัญชา หรือบางทีก็กลัวว่าถ้าเกิดนำเสนอไปแล้ว เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะถูกตำหนิ ถูกประณาม เมื่อคิดแบบนี้จึงไม่กล้าพูดกล้านำเสนอสิ่งที่คิดออกไป ได้แต่คอยรับคำสั่งและปฏิบัติตามแบบไม่เต็มใจ
5. เหลี่ยมจัด ลอบกัด ปัดความรับผิดชอบ
คงไม่ต้องขยายความกันมากครับ คนประเภทนี้ส่วนใหญ่เจ้าเล่ห์เพทุบาย มักหลีกเลี่ยงการตัดสินใจ ชอบรับได้แต่ไม่ค่อยรับผิด อยู่ใกล้ชิดผู้บังคับบัญชา ต่อหน้านายทำงานหนักลับหลังทำงานน้อย คอยจับผิด คิดแต่แสวงหาแต่หนทางที่จะได้แต่ประโยชน์เข้าตัว ประเภทเอาดีใส่ตัวแล้วโยนความชั่วให้คนอื่น ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง
6. หลงตัวเอง เก่งคนเดียว
คนประเภทนี้มักคิดว่าในที่ทำงงานนี้ไม่มีใครฉลาดเท่า เก่งเท่า ไม่มีใครจะคิดอะไรได้ดีไปกว่าตน มักคิดว่าคงไม่มีใครทำงานแทนตนได้ จึงไม่ค่อยชอบกระจายงาน ชอบเก็บงานไว้กับตัว เพราะกลัวว่าถ้าให้คนอื่นทำแล้วจะต้องมาตามแก้ไข ไม่ชอบทำงานร่วมกับใคร รวมทั้งไม่ค่อยชอบฟังคำแนะนำจากใครอีกด้วย
7. หนักไม่เอา เบาไม่สู้
อู้ตลอด คนประเภทนี้ชอบผัดวันประกันพรุ่ง ทำตัวยุ่งๆเดินไปเดินมาเพียงเพื่อให้เวลาหมดไปวันๆ สั่งงานเช้าได้เย็น สั่งเย็นได้ข้ามวัน เรามักจะเห็นบุคคลประเภทนี้อยู่ในวงเสวนาต่างๆมากกว่าจะเห็นอยู่ตามเครื่องจักรหรือที่ทำงาน ข้ออ้างเยอะ ชอบกินแรงคนอื่นเป็นประจำ ถ้ามีโอกาสหลบได้เป็นหลบเลี่ยงได้เป็นเลี่ยง และส่วนใหญ่ไม่ยอมเสียสละเพื่อใคร
8. จุกจิกจู้จี้ ขี้โมโห คนประเภทนี้โกรธง่ายหายเร็ว ประเดี๋ยวก็เดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ต่อมโมโหตื้น ปากไวกว่าความคิด เป็นคนที่ไม่เคยเห็นอะไรพอดีในสายตา ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ถ้าไม่พอใจก็มักแสดงอาการออกมาทันที บุคคลประเภทนี้มักจะพูดออกไปหรือกระทำลงไป โดยไม่ค่อยคิดคำนึงถึงจิตใจผู้อื่น แต่ถ้าถูกเอาคืนบ้างเขาจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว
9. ขาดมนุษยสัมพันธ์
คนประเภทนี้มักเป็นคนตรงไปตรงมา ปากตรงกับใจ คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น จะเรียกว่าขวานผ่าซากก็ได้ ถึงแม้ว่าในใจจะมีเจตนาดีแต่ว่าแสดงออกไม่ค่อยเป็น ทำให้ผู้ร่วมงานอาจเข้าใจผิดคิดว่าเย่อหยิ่ง จองหอง ไม่อยากคบค้าสมาคมรวมถึงไม่อยากร่วมงานด้วย
นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มคนประเภทใหญ่ๆ เท่าที่ผมเคยได้พบเจอเคยได้ร่วมงานกัน จริงๆแล้วในองค์กรอื่นๆอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ต่างกันไปตามปัจจัยพื้นฐานของแต่ละองค์กร และผลจากการแบ่งเพื่อนร่วมงานออกเป็น 9 ประเภทดังกล่าว ทำให้ผมนึกถึงทำให้นึกถึงประโยคๆหนึ่งที่ว่า "ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง" คำกล่าวข้างต้นล้วนเป็นความจริงทุกประการ ดังนั้นในการที่บุคคลทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น จะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้องค์กรและข้อจำกัดเดียวกัน ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่แต่ละบุคคลต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากันได้ บางคนต้องลดและบางคนก็ต้องเพิ่ม จึงจะได้ผลงานที่ดีมีและประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ต่อองค์กรสูงสุด และที่สำคัญการที่เราไม่ต้องมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับใครก็จะทำให้ตัวเราเองมีความสุขในการทำงานด้วย ใช่มั้ยครับ...
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.hrchonburi.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น