หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

20 เรื่องดีๆของหน้าฝน (แบบขำๆ)


"หน้าฝน" ฤดูกาลที่หลายๆคนไม่ค่อยชอบอาจจะด้วยสาเหตุที่ว่า ข้อหนึ่งมันทำให้การเดินทางของเราลำบากขึ้น รถราก็เยอะแถมติดยาวเหยียดบางทีก็พ่วงด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าไปอีก ทำให้เราต้องเผื่อเวลาตื่นให้เช้าขึ้นและเสียเวลาในการเดินทางมากขึ้น ข้อสองบางคนก็ว่ามันทำให้เลอะเทอะเฉอะแฉะอาจจะทำให้ชุดสวยชุดหล่อใส่ออกไปได้ไม่ถึงไหนก็เปรอะเปื้อนซะแล้ว ต้องทนใส่เสิ้อกันฝนที่ดูไม่สวยงาม ต้องพกพาร่มเป็นการเพิ่มสัมภาระเข้าไปอีกฯล ข้อสามใครอีกหลายๆคนก็ไม่ชอบหน้าฝนเพราะสิ่งที่พ่วงมากับหน้าฝนนี่แหละ  ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ บรรดาสัตว์น่าเกลียดน่าขยะแขยง ประเภทไส้เดือน กิ้งกือ ทากหรือสัตว์มีพิษต่างๆ ที่เราไม่ค่อยชอบมักจะแวะเวียนมาหาตอนช่วงหน้าฝนเป็นออฟชั่นพิเศษที่ไม่ค่อยอยากได้ ข้อสี่บ้างก็ว่าหน้าฝนทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่นค่าบริการล้างรถ  ล้างมาไม่ทันไรออกจากบ้านเดี๋ยวเดียวสกปรกเหมือนเดิมอีกละ จากล้างอาทิตย์ละครั้ง อาจต้องเพิ่มเป็นสองครั้ง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ เช่นถ้าฝนไม่ตกก็ยังพอเดินไปได้แต่ถ้าฝนตกก็ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป หรือต้องใช้บริการแท๊กซี่ในการเดินทาง เป็นต้น

นั่นเป็นเพียงเหตุผลเล็กๆน้อยเท่าที่ผมพอจะนึกออก แต่สำหรับหลายคนแล้วคงยังมีเหตุผลอีกหลายๆข้อที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสาเหตุำที่ทำให้ไม่ค่อยชอบหน้าฝน สรุปโดยรวมก็คือเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบฤดูฝน จะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม แต่เราก็หลีกเลี่ยงมันไม่ได้เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่น่าจะทำได้คือการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับหน้าฝนอย่างมีความสุข โดยการเปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนความคิดนิดหน่อย มองโลกในทางบวกเข้าไว้เพื่อหาสิ่งดีๆจากหน้าฝนมันอาจจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ทีนี้เราลองมาดูกันว่าหน้าฝนที่หลายๆคนไม่ค่อยชอบ มันจะยังพอจะมีสิ่งดีๆอะไรแอบอยู่บ้าง มาหาคำตอบด้วยกันครับ...

1. ฝนตก ทำให้เกิดการสร้างงานกระจายรายได้ คนขายร่ม เสื้อกันฝน รองเท้ายาง รถรับจ้าง ร้านขายยา ฯล ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงทำเงินของกิจการประเภทนี้ทีเดียว
2. ฝนตก ทำให้อากาศไม่ค่อยร้อน นอนหลับก็สบาย ไม่ต้องพึ่งพาแอร์และพัดลม เป็นการประหยัดค่าไฟไปในตัวอีกด้วย
3. ฝนตก เป็นสาเหตุให้การเดินทางยากลำบากขึ้น ก็เลยไม่อยากไปไหน ได้อยู่กับตัวเองหรือครอบครัวมากขึ้น มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้โข
4. ฝนตก ลงมาซะบ้างทำให้รู้ว่าเมืองไทยไม่ได้มีแค่หน้าร้อนกับร้อนกว่า
5. ฝนตก ก็ดีสิทำให้มีข้ออ้างไม่ต้องล้างรถบ่อยๆ
6. ฝนตก บางทีอาจทำให้ใครบางคนกลายโชคดีเป็นพระเอก-นางเอกมิวสิควีดีโอโดยไม่รู้ตัว
7. ฝนตก งานนี้หนุ่มๆสาวๆอาจโชคดีเจอเนื้อคู่มารับอาสากางร่มให้ก็ได้
8. ฝนตก ทำให้เรามีข้ออ้างในการมาสายเพิ่มขึ้นอีกข้อนึง
9. ฝนตก เป็นงานลดงานของพนักงานดับเพลิงไปในตัว
10. ฝนตก ปลูกอะไรก็ขึ้นง่าย สบายซะอีกไม่ต้องคอยรดน้ำ
11. ฝนตก ก็ดีจะได้มีโอกาสใส่เสื้อกันฝนสีสวยๆ เดินกางร่มออกไปเที่ยวเหมือนอยู่อังกฤษ
12. ฝนตก ยิ่งแรงยิ่งดีช่วยให้หลังคาบ้านเราสะอาด ปราศจากขี้นก ฝุ่นผงต่างๆ
13. ฝนตก ทำให้หนุ่มๆมีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าอันแท้จริงของสาวๆไง จะได้รู้ไปใครแต่งหน้าจัดไม่จัด
14. ฝนตก สวรรค์สำหรับคนเศร้า จะได้แอบร้องไห้แบบเนียนๆกลางสายฝน
15. ฝนตก มากๆก็ดีเขื่อนจะได้มีน้ำสำรองไว้ใช้ยามขาดแคลน
16. ฝนตก ช่วยให้พื้นดินไม่แห้งแล้งเป็นฝุ่นให้รำคาญใจ
17. ฝนตก มีส่วนทำให้การฟังเพลงไพเราะนุ่มนวลน่าฟังมากขึ้น โดยเฉพาะเพลงที่เกี่ยวกับความรัก
18. ฝนตก เป็นการฝึกให้เรามีความอดทนและระมัดระวังมากขึ้นเพราะรถที่ติดยาวเหยียด จากเคยเป็นคนขับรถเร็วก็ต้องขับช้าลงโดยปริยาย ได้ความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเห็นๆ
19. ฝนตก ช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว ทั้งที่พัก ทั้งอาหารทุกอย่างถูกลงเกือบครึ่ง โอกาสทองของคนชอบเที่ยวครับ
20. ฝนตก เป็นการช่วยเหลือสัตว์ไปในตัว บรรดาแมวทั้งหลายจะได้ไม่ต้องถูกจับมาสาดน้ำให้ทรมาน

เป็นไงบ้างครับ ข้อดีของหน้าฝนแบบขำๆที่ผมพอจะนึกออก เป็นข้อดีแบบขำๆนะครับอย่าไปซีเรียสกับมันซึ่งความจริงอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของใครของมัน อย่างไรก็ตามการที่เราต้องทนหงุดหงิด เสียอารมณ์กับฝนตกอยู่ทุกๆวัน อาจทำให้เราเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ทางแก้ก็คือ อย่างที่บอกล่ะครับเราต้องปรับตัวให้อยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบให้ได้ แล้วเราก็จะมีความสุขในทุกๆวันไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ฝนตกหรือฝนไม่ตก...สวัสดีครับ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://4.bp.blogspot.com






วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ฝนตกทีไร ทำไมต้องคิดถึงกัน ?




วันเสาร์ที่แสนชุ่มฉ่ำ ไม่ร้อนแต่ไม่เย็นและไม่เห็นดวงตะวัน ฝนตกยาวมาตั้งแต่เมื่อคืนและตกเรื่อยๆแต่ไม่แรงตลอดทั้งวัน หนักบ้างเบาบ้างตามช่วงเวลา นี่คงน่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหน้าฝนเริ่มย่างเข้ามาเต็มตัวแล้ว ด้วยสภาพอากาศไม่เหมาะสมกับการเดินทางไปไหนมาไหน หรือเอื้อให้ทำกิจกรรมใดๆ นอกจากการพักผ่อนอยู่กับบ้าน เล่นอินเทอร์เนท อ่านหนังสือ เดินบ้างนั่งบ้างจนกระทั่งถึงนอนเหม่อมองสายฝนโปรยปราย จิบกาแฟอุ่นๆ ฟังเพลงรักละมุนที่เกี่ยวกับสายฝนแบบเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศเหงาๆของฝนพรำ เชื่อว่าหลายๆท่านก็คงเหมือนกับผม และผมก็ยังเชื่ออีกว่าหลายๆคนคงมีเรื่องราวมากมายหลายเรื่องที่เกิดขึ้นและถูกบันทึกเก็บไว้ในใจ  และถูกนำมาขบคิดหรือปลดปล่อยให้ล่องลอยไปไกลในยามสายฝนพรำกันบ้างล่ะน่า พูดไปแล้วก็แทบไม่น่าเชื่อว่า พลังอำนาจของสายฝนจะมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยาทั้งในทางบวกและทางลบของอารมณ์ในช่วงนั้นๆ ของมนุษย์เราได้อย่างมากมาย เป็นต้นว่า ผู้ที่กำลังตกอยู่ในความรัก การนั่งเหม่อมองสายฝนอาจจะช่วยสร้างจินตนาการอันเพริศแพร้วอยู่ในห้วงความฝันอันสวยงาม แต่ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากคู่รัก การนั่งมองสายฝนอาจจะมีผลทำให้เกิดความเหงาทวีคูณ ยิ่งเพิ่มพูนความคิดถึงคนที่อยู่แสนไกล และถ้าผู้ที่อยู่ในอารมณ์ผิดหวัง สายฝนอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ยิ่งเหงามากขึ้นยิ่งเศร้ามากขึ้น แต่หากเป็นผู้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์สุขสมหวังแล้วล่ะก็ สายฝนยามนั่งเหม่อมองอาจทำให้สมองเกิดความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการล่องลอยไปไกลตามสายฝนเลยทีเดียว ดังนั้นจึงทำให้พอสรุปได้ว่า การก่อเกิดของสายฝนมีอิทธิพลต่อความคิดถึงในด้านใดด้านหนึ่งของมนุษย์แน่นอน เอ..ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ผมได้อ่านบทความๆหนึ่งในฟอร์เวิร์ดเมล์ เกี่ยวกับเรื่องของสายฝนและความคิดถึงว่ามันเกี่ยวพันกันได้อย่างไรซึ่งเขียนไว้ได้อย่างน่าสนใจในหัวข้อที่ว่า "เวลาฝนตก ทำไมเรามักคิดถึงคนที่รักเสมอ" นั่นน่ะสิ หน้าร้อนก็ไม่ค่อยคิดถึงใคร หน้าหนาวก็อาจมีบ้างนิดหน่อย แต่ออกอาการหนักที่สุดก็ตอนหน้าฝนนี่แหละ ผู้เขียนให้เหตุผลที่ทำให้ความคิดถึงกำเริบมากตอนฝนตกไว้อย่างน่าฟังดังนี้ครับ 
เรื่องนี้มีตำนานอยู่ว่า... 
เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกันทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้ถือกำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจและถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที
จนถึงวันที่โลกมีนกตัวแรกออกโบยบิน แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมากเลยไม่ได้ยิน
นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไม่อาจได้ยินไปถึงท้องฟ้า แต่นกตัวนั้นก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอกให้ท้องฟ้าได้รับรู้
ผืนน้ำและแผ่นดิน รู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนรักห่างไกลออกไปทุกที ทุกที ทั้งสองคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่านแต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่เข้าใกล้ท้องฟ้าสักที
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด รู้สึกเห็นใจจึงบอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้" พระอาทิตย์จึงอาสาช่วยโดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า บอกเล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปต่างๆตามที่แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมากอยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน
ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราวก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้ "ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้วและฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำอยู่และอยากจะบอกกับทั้งสองว่าฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"
ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"
ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกันแต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า จากนั้นก็ตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรักความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ
จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก คนที่เราผูกพัน เพราะบางครั้งท้องฟ้าก็ส่งความเหงาฝากลงมาด้วย...


แล้วคุณล่ะคิดถึงใครบ้างไหมเวลาที่มองสายฝนพรำ ?...

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

20 ข้อคิดชีวิตคนทำงาน


1.จงพิจารณาความเป็นไปได้ที่ว่า การชอบทำงานเกินเวลาจนเป็นนิสัยของคุณนั้นแสดงถึงว่าคุณต้องการสำนักงานมากกว่าสำนักงานต้องการคุณ

2.อย่าทำงานเกินเวลาจนติดเป็นนิสัย เมื่อมันกลายเป็นนิสัยจะทำให้มันหมดคุณค่า

3.ปล่อยตัวตามสบายได้ แต่อย่าให้ถึงกับดูโทรมนัก

4.จงทำตัวให้ร่าเริง คอยช่วยเหลือผู้อื่น และทำหน้าที่ให้ดีในการทำงานของคุณ คุณจะพบว่าไม่มีใครมาแข่งขันกับคุณ

5.อย่าได้ไว้เนื้อเชื่อใจว่าความสามารถ ความมีเสน่ห์ และจินตนาการ ว่าจะนำพาคุณขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดได้ ทางที่ดีคุณควรจะมีผมสีเทาและพุงป่องกลางอีกหน่อยด้วย

6.อย่าได้เป็นกังวลในเรื่องการปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ในสำนักงาน แต่ควรเป็นกังวลกับการปล่อยให้ชีวิตของคุณเปล่าประโยชน์จะดีกว่า

7.อย่าโทษคอมพิวเตอร์สำหรับความผิดพลาดที่คุณทำขึ้นเอง

8.ลองคิดถึงเวลาที่คุณไม่มีเงินเดือนดูบ้าง

9.จงถือว่าสุขภาพคือทรัพย์สมบัติประการแรก

10.อย่าได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่เคยสังเกตเห็นนก ต้นไม้ ดอกไม้ และปุยเมฆ 

11.ในเวลาอาหารกลางวัน จงเลือกรับประทานอย่างฉลาด แต่ในบางครั้งจงรับประทานให้เต็มที่

12.เมื่อใดที่สำนักงานทำให้คุณรู้สึกเศร้าสร้อย จงนึกเสียว่านี่เป็นเกมกีฬาสำหรับคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ และอย่าได้นำมันกลับไปบ้านด้วย

13.จำไว้ว่า ยังมีอะไร ๆ อีกมากมายในการทำงานและในชีวิต มากกว่าทำงานเพื่อให้มีชีวิตอยู่ หรือมีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน

14.อย่าทำเป็นคนตรงต่อเวลา ไปถึงก่อนเวลาจะดีกว่า

15.อย่าได้หลอกตัวเองว่าการมีสิ่งของรกอยู่บนโต๊ะหมายถึงการมีงานมาก มันเพียงแต่หมายความว่าคุณยังไม่ได้ทำมันนั่นเอง

16.จัดเก็บโต๊ะของคุณให้เรียบร้อย บุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมักจะมีโต๊ะทำงานที่ว่างโล่ง

17.อย่าเป็นกังวลมากจนเกินไปว่าเพื่อนร่วมงานจะคิดอย่างไรกับคุณ เพราะส่วนใหญ่ในชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้คิดถึงคุณอยู่แล้ว

18.จงร่ำรวยเงินสด

19.จงหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา

20.ไม่ว่าจะเกิดอะไรจงยิ้มไว้เสมอ

เครดิต : Holly Budd

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://men.mthai.com